หน้าเว็บ

8.09.2555

…..เที่ยววัดมหาบุศย์ ไหว้แม่นาคพระโขนง







 

          จะพาไปเที่ยววัดที่หลายคนได้ยินแล้วอาจขนหัวลุก นั้นก็คือ วัดแม่นาคพระโขนง หรือวัดมหาบุศย์ เป็นวัดเก่าแก่อยู่ในเขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร สร้างใน สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ถึงปัจจุบันก็มีอายุสองร้อยกว่าปีแล้ว ดิฉันเกิดที่นี่ในปี พ.ศ 2512แม่ของดิฉันเป็นน้องสาวคนเล็กในจำนวนพี่น้อง9คนของอาจารย์ พวน ช้างเจริญ คือคนที่ปั้นย่านาคขึ้นมาและอดีตเจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบลสวนหลวงองค์เก่าที่ได้มรณภาพไปแล้วท่านพระครูพิทักษ์ถาวรเจริญ(จำปา ช้างเจริญ) ก็มีศักดิ์เป็นตา และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมอยากเล่าเรื่องย่านาค
                                                             
                                           

       
  ในตอนที่ดิฉันยังเป็นเด็กบริเวณวัดดูน่ากลัวกว่านี้มากยิ่งตอนกลางคืนด้วยแล้ว เราจะไม่เข้าไปแถวที่ย่าอยู่เป็นเด็ดขาดเปล่าไม่ได้กลัวย่าหรอกเพราะย่าไม่เคยทำอะไรเรา ย่าเป็นอะไรที่ขอได้ทุกอย่าง แต่กลัวบริเวณนั้นต่างหากเพราะมันเป็นป่าช้าและต้นไม้ต้นใหญ่ๆเยอะมากแต่ถ้าเป็นตอนกลางวันวัดจะเป็นที่เล่นของพวกเราเป็นที่กินข้าวที่นอนกลางวันทุกซอกทุกมุมแม้แต่ในป่าช้าก็ไม่เว้น แต่ตอนนี้วัดเปลี่ยนไปเป็นอะไรที่ไม่คุ้นตาและไม่สนุกเหมือนเดิม มีอยู่อย่างเดียวที่เหมือนเดิมคือความเมตตาความใจดีของย่าที่มีกับทุกคน



  ข้อมูลวัดมหาบุศย์
วัดมหาบุศย์ หรือซอยอ่อนนุช7 ตั้งอยู่บนถนนสุขุม77 เข้าไปจะเป็นซอยอ่อนนุชทั้งเส้นจะเริ่มตั้งแต่อ่อนนุช1 เรื่อยไปจนถึงประเวศ-ลาดกระบัง ซอยอ่อนนุชเป็นซอยที่มีวัดเยอะมากๆ

ให้สังเกตุปากซอยอ่อนนุช 7 จะมีป้าย"วัดมหาบุศย์ อยู่หากเดินทางโดยรถไฟฟ้าให้ลงที่สถานีปลายทาง – อ่อนนุชวัดเข้ามาในซอยอ่อนนุชอยู่ทางซ้ายมือ ซอยอ่อนนุช 7 อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชประมาณ 1 กิโลเมตรจากสถานีสามารถต่อรถไดัหลายแบบ
–รถแท็กซี่ ราคาไม่เกิน45บาท
-มอไซต์รับจ้าง ราคาไม่เกิน30-40บาท
-รถสองแถว ราคาไม่ถึง10บาท

วัดมหาบุศย์ เป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เมื่อประมาณ พ.ศ. 2305 ก่อนเสียกรุงเก่าพม่า 5 ปี เล่ากันว่าเดิมชื่อ "วัดสามบุตร"กล่าวคือ บุตรชาย สามคนพี่น้องร่วมกันสร้างขึ้น และเข้าใจว่าเสนาสนะสิ่งก่อสร้างในวัดในขณะนั้นคงจะเป็นเครื่องไม้เสียเป็นส่วนมาก ซึ่งเป็นวัสดุที่ไม่คงทนครั้งกาลต่อมามีสภาพเป็นวัดร้าง
ต่อมาเมื่อพระมหาบุตร เปรียญ 5 ประโยค สำนักวัดเลียบ (ต่อมาในรัชกาลที่ 1 พระราชทานนามใหม่ว่า "วัดราชบุรณะ") กรุงเทพมหานคร ได้มาเยี่ยมญาติโยมของท่านซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในลำคลองพระโขนง ในเวลานั้น บรรดาชาวบ้านพระโขนงจึงได้พร้อมใจกันนิมนต์ให้ท่านอยู่วัดสามบุตร เพื่อช่วยเป็นผู้นำในการบูรณะวัดสามบุตรหรือจะเรียกว่าสร้างวัดใหม่ทั้งวัดก็น่าจะได้  
เมื่อการสร้างหรือการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านจึงเปลี่ยน นามวัดใหม่จาก "วัดสามบุตรเป็นวัดมหาบุตร" ตามนามของพระมหาบุตร ภายหลังได้เปลี่ยนแปลงไปตามความเจริญของภาษาไทย จึงได้เขียนชื่อวัดเป็นทางราชการว่า วัดมหาบุศย์ ดังที่เห็นและใช้อยู่ตราบจนในปัจจุบัน

แต่ยังมีประชาชนนิยมเรียกอีกนาม หนึ่งว่า "วัดแม่นาคพระโขนง"ทั้งนี้เห็นจะเป็นด้วยอิทธิพลของบทประพันธ์เรื่อง แม่นาคพระโขนง



เรื่องราวโดยย่อของแม่นาคพระโขนง
ณ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีสามีภรรยาที่รักกันมากคู่หนึ่งอาศัยอยู่ริมคลองวัดมหาบุศย์เขตพระโขนง ภรรยาชื่อนาค สามีชื่อทิดมาก ทั้งคู่ปลูกเรือนหลังเล็กๆ อยู่ห่างไกลจากผู้คนมาพอสมควร
เมื่ออยู่กันได้ไม่นานแม่นาคก็ตั้งท้องขณะที่บ้านเมืองกำลังเกิดศึกสงคราม ทิดมากจึงถูกเกณฑ์ให้ไปเป็นทหาร และต้องออกรบยังต่างเมือง ไม่นานแม่นาคก็คลอดลูกกับหมอตำแยโดยทิดมากไม่ได้อยู่ดูแล โชคร้ายที่แม่นาคเจ็บท้องจนทนไม่ไหวจึงสิ้นใจตายพร้อมลูกในท้องในเวลาต่อมา แต่ด้วยความรักที่มีต่อผัวจึงไม่ยอมไปผุดไปเกิด และรอวันที่ผัวจะกลับมา ระหว่างนั้นก็เที่ยวหลอกหลอนชาวบ้านจนหวาดกลัวไปทั่ว
วันขึ้น 15 ค่ำ ทิดมากกลับมาในเวลาพลบค่ำแต่ก็ยังพอเห็นทางเดินแบบลางๆ เนื่องจากเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง เมื่อถึงบ้านก็เห็นแม่นาคนั่งร้องเพลงกล่อมลูกอยู่ที่เรือนชานก็รู้สึกดีใจรีบวิ่งไปหาลูกเมีย แต่ต้องสะดุ้งสุดตัวที่ร่างกายนางนาคเย็นผิดปกติ ก็ไม่ได้สงสัยอะไรมากนัก ระหว่างนั้นแม่นาคก็จัดแจงยกสำรับกับข้าวออกมาให้ผัวกินและก็บังเอิญที่ทิดมากทำช้อนตกลงพื้นเรือนแม่นาคจึงเอื้อมมือไปเก็บอย่างรวดเร็วทำให้ทิดมากรู้สึกแปลกใจ
ต่อมาชาวบ้านก็แอบกระซิบบอกทิดมากว่าแม่นาคได้ตายไปนานแล้วและตายทั้งกลมด้วย ที่พ่อมากเห็นแม่นาคอุ้มลูกน้อยนั้นแท้จริงเป็นผี ไม่ใช่คน ประกอบกับตนเองก็เห็นพฤติกรรมแปลกๆอยู่หลายครั้ง จึงตัดสินใจหนีไปอาศัยอยู่ที่วัดมหาบุศย์
ทำให้แม่นาคต้องออกติดตามหาผัว พร้อมกับเที่ยวหลอกหลอนชาวบ้านด้วยความโกรธแค้น จนไม่มีใครกล้าเดินผ่านวัด สร้างความเดือดร้อนเดือดร้อนไปทั่ว ต่อมาชาวบ้านได้ไปตามหมอผีมาปราบ และจับวิญญาณแม่นาคใส่หม้อดินไปถ่วงน้ำ พร้อมกับอุทิศส่วนกุศลให้วิญญาณไปผุดไปเกิด ไม่ต้องมาวนเวียนหลอกหลอนชาวบ้านอีกต่อไป
              ในเรื่องแม่นาคพระโขนงก็ได้มีการกล่าวถึงวัดนี้ตอนที่พ่อมากหนีแม่นาคออกมาจากบ้าน และได้มาอาศัยวัดนี้หลบซ่อน หลังรู้ว่าภรรยาของตนเป็นผีตายทั้งกลม แม่นาคได้ออกตามหาผัวอันเป็นสุดที่รัก แต่ไม่สามารถเข้ามาในวัดได้ จึงต้องมาหลอกหลอนผู้สัญจรผ่านไปมาด้วยความโกรธแค้น ตำนานแม่นาคจะมีจริง หรือเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้ แต่เรื่องราวแม่นาคพระโขนงมีมานานนับร้อยๆปีแล้ว ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคนค่ะ

    เชื่อกันว่าพระรูปที่มาปราบแม่นาคได้นั้นคือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)  อีกทั้งยังเชื่อว่า ท่านได้เจาะกะโหลกที่หน้าผากของแม่นาคทำเป็นปั้นเหน่ง เพื่อสะกดวิญญาณแม่นาค และได้สร้างห้องเพื่อเก็บปั้นเหน่งชิ้นนี้ไว้ต่างหาก
หรือหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ก็ยังได้เขียนบันทึกเอาไว้ว่า เมื่อสมัยเด็ก ๆ ท่านเคยเห็นสิ่งที่เชื่อว่าเป็นรอยเท้าแม่นาคบนขื่อเพดานวัดมหาบุศย์ด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้ได้ถูกไฟไหม้ไปแล้ว ถึงอย่างไร ความเชื่อเรื่องย่านาค ก็ยังปรากฏอยู่ในความเชื่อของคนไทย จากสมัยอยุธยาตอนปลายจนถึงพุทธศักราช 2510 สมัยรัตนโกสินทร์
ตำนานเล่าลือเรื่องผีแม่นาคคล้ายจะทำให้ผู้คนที่สัญจรผ่านวัดมหาบุศย์ขนหัวลุกชันโดยอัตโนมัติ แต่หลังจากที่อาจารย์พวน ช้างเจริญ (เป็นลุงแท้ๆของดิฉัน) ปั้นรูปจำลองแม่นาค แล้วสร้างศาลอย่างง่ายเป็นสังกะสีทั้งหลัง ขึ้นบริเวณตรงข้ามกับศาลาริมคลองพระโขนงภายในวัดเมื่อปี พ.ศ. 2510  แต่ตอนหลังถูกไฟไหม้ เลยสร้างขึ้นใหม่เป็นไม้ผสมปูน

 ทุกวันนี้คำเรียกขานชื่อที่คนรุ่นใหม่เรียกคือ   "ย่านาค" ศาลย่านาคกลายเป็นแหล่งที่พึ่งทางใจ
เป็นสถานที่แสวงโชคของผู้อยากรวยทางลัดไปแล้ว คืนก่อนวันหวยออก บริเวณศาลของย่านาค จะมีประชาชนเป็นจำนวนมากพากันมากราบไหว้พร้อมกับขูดหาเลขที่ต้นตะเตียนข้างศาล ซึ่งเป็นต้นเก่าต้นแก่ที่แห้งตายจนเหลือแต่ตอ ตะเคียนต้นนี้ถูกทาด้วยน้ำมัน ถูกลนด้วยเทียนไข และถูกถูไม่รู้กี่ร้อยกี่พันนิ้วมือ จนลำต้นเป็นรอยตะปุ่มตะป่ำมีรูปร่างแปลกๆ
หรือถ้าอยากเดินทางไปถูต้นตะเคียนด้วยมือตนเองเพื่อหาเลขเด็ดก็ตามใจ ใครอยากไปเที่ยวหรือไปถ่ายภาพก็ตามสะดวก ถ้าจะมาแสวงโชคกันแล้วขอแนะนำว่าควรจะมาตอนกลางคืน ยิ่งดึก ก็อาจเห็นตัวเลขชัดขึ้น ส่วนมากจะมากันก่อนหวยออก1วัน เช่นวันที 16 มีนาคม เป็นวันหวยออก คนเขาก็จะมาขอกันในวันที่15มีนาคม เป็นแบบนี้ทั้ง2งวดของทุกเดือน
และการขอให้ไม่ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร (ไม่โดนทหาร) เรื่องความรัก และอื่นๆอีกมากมาย มีเรื่องแปลกๆเกี่ยวกับย่ามากมายเล่าไม่จบง่ายๆ และก็มีเรื่องแปลกอีกอย่างคือคนที่ทำงานกลางคืนไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็นิยมมาไหว้ย่าเพื่อขอให้มีแขกเยอะๆ
                     



    การบูชาย่านาค มีหลายรูปแบบ เช่นอาจซื้อผ้าเจ็ดสีเจ็ดศอกมาพันรอบต้นไม้ บางคนก็ซื้อของไหว้เช่นชุดไทย สำหรับย่านาค หรือชุดเด็กและของเล่นเด็กสำหรับลูกย่านาค(ที่ตายทั้งกลม) หรือบางคนก็เอารูปวาดที่จินตนาการว่าเป็นย่านาคมามอบให้ ซึ่งรูปแบบการบูชาย่านาคนี้ ก็อาจแตกต่างไปจากที่อื่นๆ และที่แปลกก็คือมีคนซื้อโทรทัศน์จอใหญ่มาเปิดให้ย่านาคดูด้วย ย่านาคมีรถกระบะ มีมอเตอร์ไซค์เป็นของตนเองด้วยเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อแต่ก็เป็นไปแล้วและย่าคงเป็นผู้หญิงที่มีชุดไทยมากที่สุดในโลก ความเชื่อ ความชอบ ในสิ่งเหล่านี้หลายคนอาจเห็นเป็นเรื่องแปลก บางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ เป็นเรื่องของคนสิ้นหวังขาดที่พึ่งแต่เรื่องนี้คงไปว่าใครไม่ได้ ทุกคนมีเหตุผล มีความเชื่อเป็นการส่วนตัว และเป็นสิ่งที่อยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน



   และที่วัดนี้นอกจากมีศาลย่านาค แล้วยังมีหลวงพ่อยิ้มเป็นพระพุทธรูปประจำวัดซึ่งศักดิ์สิทธิ์มาก หลวงพ่อยิ้มเป็นพระพุทธรูปประจำวัด คนนิยมมาไหว้ ขอพร บางคนก็บนบานกับท่านและสิ่งที่หลวงพ่อโปรดมากคือว่าวจุฬา ตอนที่ดิฉันและน้องชาย และพวกเด็กแถวบ้าน เป็นเด็ก พวกเรามักจะขึ้นไปขอว่าวของหลวงพ่อยิ้มมาเล่นเสมอ แต่เราจะหย่อนตู้บริจาคของหลวงพ่อด้วย ตัวละบาทสองบาท มีเงินมากหน่อยก็ ห้าบาท ตามศรัทธาประสาเด็ก





    ย่านาคเป็นที่สักการะ เคารพบูชาอย่างมากของบุคคลในและนอกพื้นที่ บ้างก็เชื่อกันว่าย่านาคได้ไปเกิดใหม่แล้ว และถึงยังไงศาลย่านาคฯแห่งนี้เป็นศาลเก่าแก่ที่สร้างอิงจากตำนานความรักของนางนาค เมื่อ 100 –200 ปีก่อน ซึ่งทุกวันนี้ย่านาคฯได้โด่งดังในระดับอินเตอร์ไปแล้ว แต่ไม่ว่าย่านาคฯจะโด่งดังขนาดไหน เรื่องราวความเฮี้ยนของย่านาคฯก็ยังคงมีปรากฏอย่างต่อเนื่อง


  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น